ที่จะกล่าวต่อไป ไม่ใช่การเปรียบเทียบนะครับ หากแต่เป็นการบอกถึง อารมณ์ที่ผมได้รับขณะฟังด้วยชุดที่ผมได้ติดตั้งมา
จริงๆ แล้ว ทีเด็ด ก็มีกันทั้ง 2 ตัวนะครับ
แต่ผมถนัดที่จะฟัง Phass es6.5 มากกว่า ใช้คำว่าถนัด เพราะว่า จากการที่ฟัง
ด้วยตัวเอง นะครับ
พบว่า เนื้อเสียง มวลและแนวเสียง ฟังแรกๆ ไม่ชัดเจนนัก เมื่อได้ฟังไปนานๆ
พบว่า อารมณ์ของเพลงนั้น มาเป็นอันดับแรก ลักษณะความใกล้เคียงนั้น
เข้าใกล้เครื่องเสียงบ้าน และเสียงดนตรีสดจริงๆ ที่ผมเคยฟังคุ้นเคยอยู่ เข้าไปเรื่อยๆ
(พูดแล้วเหมือนเว่อร์นะครับ แต่ก็อย่างว่าแหละ ก็คนมันชอบนี่นา)
ยิ่งได้เดินสายผ่าน Passive Crossover ที่มากับชุด รวมไปถึงการโมกล่อง Passive
ด้วยการแดมป์เพียงเล็กน้อย จากนั้นตั้งระดับ หน่วงสัญญาณเสียงแหลมไว้ที่ -6dB ด้วยล่ะ คุณเอ๋ย...
ผมเคยตั้งโปรเจคตัวเองว่า อยากจะขยับเป็นระบบ Active Crossover
แต่จนถึงวันนี้ ก็ยังเก้ๆ กังๆ อยู่ ผมยังนึกเสียดายเจ้า Passive Crossover นี้อยู่เลย
คิดแล้วคิดอีก ถ้าหากว่าจะติดตั้งเป็นระบบ Active Crossover คงจะเสียดายพอสมควร
แต่ใจก็ยังอยากจะลองอยู่
นอกนั้น สิ่งที่เจ้าลำโพงกรวยกระดาษ ดีไซน์เรียบๆ ตัวนี้ จะให้ได้ก็คือ ไดนามิค ไทม์มิ่งที่ดี ขอเปรียบอย่างนี้ครับ
ผมเคยไปฟังงานเพลง Jazz จัดเป็น Workshop ซึ่งเล่นโดยวง แม้นศรี ซึ่งจัดในห้องประชุมเล็กๆ ขนาดประมาณ 70 ที่นั่ง
วงนี้ก็เป็นคณะอาจารย์สอนดนตรี คณะดุริยางค์ ม.ศิลปากรนี้เองครับ ทีเด็ดอาจารย์นุ ซึ่งเป็นมือเปียโน ชั้นเซียนท่านนึง
เล่นคู่กับอาจารย์โปรด ซึ่งเป็นมือกีตาร์ มือกลองถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นอาจารย์ชนุตร์ ดูประวัติแกได้ที่
http://www.music.su.ac.th/barline/about.html คือที่ผมเกริ่นมายาว เพราะว่า ผมพอจะจำลักษณะดนตรีวันนั้นได้ เป็นวันแรกที่ผมได้เคยลองฟังดนตรีแจ๊สแบบสดๆ
ประเภทที่ว่า ไอเดียพรั่งพรู ถ้าเปรียบกับการได้เห็นสาวๆ ก็เรียกได้ว่าเป็นสาวๆ ชนิดเห็นแล้วกระฉูด กำเดาไหลกันเลยทีเดียว
น้ำหนักการทิ้งไม้ลงบน Ride แบบโยนๆ (จังหวะ Swing Jazz) ที่คงเส้นคงวา ติดตา ยังจำมาจนถึงวันนี้
พอมาฟัง es6.5 นี้ ก็รู้สึกว่า เออ... มันพอจะสร้างเสียงพวกนี้ให้เราได้บ้างเว้ย ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะวะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับ front ต้นทางด้วยนะครับ ยิ่ง front ที่มีระดับคุณภาพเพิ่มขึ้นมาหน่อย
ยิ่งจะเห็นได้ชัดเจน ความนิ่งของตำแหน่งเครื่องดนตรี
เชื่อว่า ในอีกไม่นานนี้ ผมคงต้องหาทางขยับขยาย front เพื่อรีดพลังเจ้า es6.5 อีกสักตั้งนึง
สุดท้ายนี้ผมคิดว่า ผมเลือกคู่หูถูกแล้วครับ สำหรับชุดเครื่องเสียงติดรถยนต์ที่ผมใช้อยู่ตอนนี้นั้น
คงจะไม่ขยับ ตัวลำโพง ไปเป็นรุ่นที่สูงกว่านี้อีกแล้ว Phass es 6.5 หยุดสต๊อปอารมณ์ และเบรคเจ้ากิเลสในหัวผมได้หมด
ที่เหลือคงต้องอัพเรื่องอื่นๆ เช่น สายสัญญาณ, Head Unit, พาวเวอร์แอมป์, ระบบไฟ
แล้วคงจะหันไปลงทุนกับเครื่องเสียงบ้าน ควบคู่ไปด้วยกันครับ
อย่าลืมนะครับ ว่าทุกอย่างนั้น มันเป็น Passion ไม่มีใครผิดใครถูกที่จะเลือกระบบใดระบบนึง
ขอบคุณนะครับ ที่อ่านจนจบ