เพิ่งรู้จากอาจารย์ว่า เป๋าฮือเทียม :'( กินไปตั้งเยอะแนะ ..... ไม่เป็นไร มีแซลมอนแท้ไว้เป็นใช้ได้
การอบรมนี้สุดคุ้มครับ รู้จักเพื่อนๆเพิ่มอีกหลายคน ต้องยอมรับว่าเรื่องการฟังดนตรี มีแต่ทฤษฎีไม่ได้จริงๆครับ เป็นเหมือนศาสตร์ที่ต้องการความรู้และต้องการการฝึกฝนอย่างมากขึ้นอยู่กับว่าความต้องการของเราคืออะไร หลักสูตร Critical Listening เป็นเสมือนแนวทางเริ่มต้นที่นำสิ่งที่เราอาจจะรู้และไม่รู้ในทฤษฎีเสียงและดนตรี มารวบรวมไว้ด้วยกัน เพื่อเป็นพื้นฐานในการศึกษาและฝึกฝนต่อไป ในเวลาอบรมเพียงแค่ 2 วัน คงไม่เพียงพอที่จะนำศิลปะทางดนตรีที่มีการคิดค้นสั่งสมนับพันๆปีมาถ่ายทอดได้ทั้งหมด แต่เป็นการชี้แนวทางในการพัฒนาได้บ้างครับ
Critical Listening จะต่างจาก Listening for Pleasure ครับ เนื่องจากเป็นการฟังอย่างวิเคราะห์เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การตรวจสอบระบบการติดตั้งเครื่องเสียง ใช้ในการตัดสินใจซื้อเครื่องเสียง หรือใช้เป็นมาตรฐานในการตัดสินในการแข่งขัน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีหลักการที่อาจไม่ตรงกับความชอบของแต่ละบุคคล ทั้งนี้อาจารย์หมอแนะนำว่า ต้องหาจุดเหมาะสมในการฟัง และเข้าใจวัตถุประสงค์ในการฟัง เพราะถ้าเราฟังเพลงโดยใช้ Critical Listening ตลอดเวลา การฟังนั้นๆ ก็เหมือนการจับผิด และทำให้ขาดความสุขในการฟังเพลง
หัวข้อหลักๆ ที่ได้เรียนรู้มาได้แก่ การรับเสียงของมนุษย์ (หน้าที่ต่างๆของอวัยวะในการรับเสียง) ความหมาย ของ Londness, Timbre (หรือการแยกชิ้นเครื่องดนตรี), Pitch, Dynamic ของเสียง, sound stage และปัจจัยที่ส่งผลต่อ sound stage เช่น ความดัง, azimuth, Vertical และ distance, เสียง clip, reverb, การเดินทางของเสียง เริ่มจาก Attack จนถึง decay รวมทั้งได้ทดลองฟังเสียงตัวอย่างเครื่องดนตรีจากระบบเสียงที่สุดยอดของอาจารย์สมเกียรติ
ถือเป็นการสัมมนาที่ดีมากของนักเล่นเครื่องเสียง ที่อยากจะพัฒนาเป็นนักฟังที่ดีในอนาคตครับ
ปล. รายละเอียดหาอ่านได้เมื่อเจอกันครับ (อันนี้เท่าที่จำได้นะครับ ยังไม่ได้เปิดตำราตอบ)