ผู้เขียน หัวข้อ: Hi - End  (อ่าน 5942 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

apiwat

  • ซี5
  • *****
  • กระทู้: 132
    • อีเมล์
Hi - End
« เมื่อ: 02/17/11 10:30:26 »
สินค้าๆ ทุกตัวทุกยี่ห้อ ต่างก็บอกว่าของตัวเอง  ระดับ Hi - End
ไม่ทราบว่านำอะไรมาเป็นมาตราฐานในการวัดครับ

tong

  • ซี5
  • *****
  • กระทู้: 7,211
Re: Hi - End
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 02/17/11 10:37:31 »
ฟังเยอะๆ ครับน้า คำตอบมันอยู่ที่เสียง

qualityteam

  • Administrator
  • ซี5
  • *****
  • กระทู้: 4,557
    • อีเมล์
Re: Hi - End
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 02/17/11 10:43:42 »
แบ่งยังงัยตอบค่อนข้างยากแต่ลองดูรายละเอียดก่อนว่าใช่หรือเปล่า

  กล่าวถึงกันมากในวงการนักเล่นเครื่องเสียง คำที่ได้ยินบ่อยที่สุดคือ เครื่องเสียงระดับ HI-END และการเล่นเครื่องเสียงแบบ AUDIOPHILE แต่ละแบบอย่างของการเล่น มีแนวทางปฏิบัติอย่างไร มีข้อเหมือนหรือแตกต่างกันตรงไหน ที่สำคัญนักเล่นเครื่องควรเล่นเครื่องเสียงรถยนต์แบบใด เพื่อเป็นการเสียเงินไปอย่างคุ้มค่า ได้มาซึ่งชุดเครื่องอันไพเราะตรงความต้องการ

     อะไรคือ HI-END

      การเล่นเครื่องเสียงแนวทางนี้ นั้นว่ากันด้วยเรื่องราคาเป็นหลัก ราคาของเครื่องเสียงระดับนี้มักจะสูง เป็นรุ่นหรือซีรี่ย์ระดับบน เป็นเครื่องที่ผู้ผลิตมักจะนำมาเป็นต้นแบบ ผลิตจำนวนไม่มาก เพราะใช้วัสดุและเทคโนโลยีระดับสูง ประกอบกันราคาอุปกรณ์ที่สูง มีจำนวนนักเล่นไม่กว้างเล่นกันอยู่เฉพาะกลุ่ม เครื่องเสียงระดับนี้นักเล่นสามารถมั่นใจได้ว่า จะได้คุณภาพเสียงที่ดี เพราะมากจากความตั้งใจของผู้ผลิต ที่จะสรรค์สร้างเครื่องเสียงเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงดีที่สุด และเมื่อนำอุปกรณ์คุณภาพสูงหลายๆชิ้นมาประกอบเข้าเป็นชุดเครื่องเสียง ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักเล่นว่า เสียงต้องมีคุณภาพดี เพราะใช้อุปกรณ์ราคาแพงทั้งหมดและราคาสูงทั้งหมด

     ท่านผู้อ่านนักเลงรถภาคเหนือทุกท่านลองนึกดูนะครับ ฟร้อนท์ระดับ ALPINE F1 เพาเวอร์แอมป์ระดับ SINFONI CLASS A ลำโพง RAINBOW REFERENCE ราคารวม 3 อุปกรณ์นี้ก็เกือบล้านบาท อุปกรณ์ทุกชิ้นล้วนผลิตมากจากอุปกรณ์คุณภาพสูงและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อตอบสนองในเรื่องคุณภาพเสียงสูงสุด หรือแม้จะไม่ใช้อุปกรณ์ราคาระดับนี้ แต่เลือกแบรนด์เครื่องเสียงที่มีจำหน่ายทั่วโลก มีชื่อเสียงยาวนานหรือเป็นที่นิยม บางครั้งนักเล่นก็เรียกว่าเครื่องเสียงแบรนด์ HI-END ได้เช่นกัน แม้อุปกรณ์เครื่องเสียงนั้นจะไม่ใช้รุ่นที่ราคาสูงสุดก็ตาม    

     แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นทั้งหมดครับ บางครั้งแม้จะใช้อุปกรณ์ราคาแพง คุณภาพดีระดับสูงสุด ถ้าการติดตั้งไม่ได้คุณภาพและตำแน่งที่ดี รวมไปถึงใช้อุปกรณ์เสริมไม่ได้คุณภาพอีก เช่น การนำลำโพงราคาแพงมาติดตั้งโดยไม่ได้เสริมแผ่นไม้เพื่อความมั่นคงแข็งแรง หรือใช้สายสัญญาณชนิดแถมราคาคุณภาพต่ำ แม้กระทั่งสายไฟก็ใช้เส้นเล็กภายในใช้ตัวนำคุณภาพไม่ดี มีโอกาสเป็นสนิมหรือเกิดอ็อคไซด์ได้ง่าย เชื่อได้เลยว่าอุปกรณ์แพงๆระดับ HI-END นั้นก็ไม่สามารถแสดงคุณภาพที่ดีออกมาได้เลย และถ้ามีประเด็นอื่นรวมเข้าไปอีกด้วยเช่น การจูนเสียง คุณภาพเสียงอาจจะสู้ไม่ได้กับชุดและอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ราคาถูกกว่ามาก แต่มีการติดตั้งที่ดี มีความแข็งแรง ทิศทางตำแหน่งการหันหน้าดอกลำโพงที่เหมาะสม รวมไปถึงได้รับการจูนเสียงจากผู้ที่มีประสบการณ์

     เพราะฉะนั้น ถ้ารักจะเล่นเครื่องเสียงราคาแพงระดับ HI-END ต้องควบคู่กับการติดตั้งและจูนเสียงโดยผู้ชำนาญ เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงเต็มอย่างที่ผู้ผลิตตั้งใจ อุปกรณ์เสริมที่มาร่วมใช้งานต้องมีคุณภาพดี เมื่อนั้นอุปกรณ์เครื่องเสียงระดับ HI-END จึงมีคุณภาพเสียงสมราคา

     เปียโน แม้จะมีคุณภาพการผลิตที่ดีเพียงใด ก็หาได้มีเสียงที่ไพเราะ ถ้าผู้เล่นนั้น ไม่มีความสามารถเพียงพอ

     อะไรคือ AUDIOPHILE

     คำนี้น่าจะนำมาจากคุณภาพการบันทึกแผ่นซีดีครับ เนื่องจากไม่ได้มีบทบรรญัติไว้ชัดเจนในพจนานุกรม แผ่นซีดีที่มีการบันทึกโดยเน้นคุณภาพเป็นพิเศษ โดยเริ่มตั้งแต่การบันทึกในห้องอัด การบันทึกลงแผ่น ใช้อุปกรณ์คุณภาพดี รวมไปถึงพิถีพิถันทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้มาซึ่งแผ่นที่ให้คุณภาพเสียงได้ใกล้เคียงกันต้นกำเนิด เหมือนผู้ฟังได้ไปนั่งฟังบทเพลงนั้นๆตอนบันทึกเลยทีเดียว คำว่า AUDIOPHILE จึงหมายถึงการเล่นเครื่องเสียงเพื่อให้ได้คุณภาพสูงสุด ในสภาวะแวดล้อมและอุปกรณ์ในชุดเครื่องเสียงจะอำนวย

     ประการสำคัญที่เป็นแก่นแท้ของการเล่นแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาของตัวเครื่องนะครับ นักเล่นมักให้ความสนใจไปกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง พิถีพิถันสูงสุด เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกอุปกรณ์มาร่วมชุดใช้งาน ย้ำอีกครั้งว่าไม่ต้องราคาแพงสูงสุด แต่มักเลือกคุณภาพที่ดี ดีด้วยวัสดุการผลิต ดีด้วยคุณภาพของวงจร นักเล่นบางท่านถึงกับกำหนดชิ้นส่วนอุปกรณ์แม้เพียงขนาดเล็กภายในวงจรเลยทีเดียว เมื่อได้อุปกรณ์เข้าชุดพอใจทั้งระบบ ก็ต้องให้ความใส่ใจกับอุปกรณ์เสริม ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นของแพง แต่เลือกใช้วัสดุคุณภาพดีสามารถเสริมข้อดี ช่วยกลบข้อด้อยของชุดเครื่องเสียงได้  

     เมื่ออุปกรณ์ครบหมดแล้ว ก็มาถึงการติดตั้ง นักเล่นบางท่านถึงกับติดตั้งเองหรือบางท่านก็ไปคอยควบคุมทุกขั้นตอนการติดตั้ง เรียกได้ว่าสนิทชิดเชื้อกับช่างเลยทีเดียว ใส่ใจแม้กระทั้งมุมติดตั้ง ทิศทางสาย ตำแหน่งวางเพาเวอร์แอมป์ และอื่นๆอีกมากมาย ใส่ใจพิถีพิถันครบทุกจุด เพื่อรีดคุณภาพเสียงจากชุดที่เลือกไว้ออกมาให้ได้คุณภาพสูงสุด เพื่อที่จะให้มีคุณภาพดีกว่าชุดราคาแพงที่ติดตั้งได้ไม่ดีนัก

     จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนการจูนเสียง นักเล่นแนวทางนี้จะไม่ใช้อุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์ประเภทการปรับแต่งเสียงช่วยแต่อย่างใด เน้นอุปกรณ์เพียงน้อยชิ้น เพื่อให้สัญญาณผ่านการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้น้อยที่สุด นอกจากบางท่านจะจูนเสียงด้วยตนเองแล้ว บางท่านถึงกับจูนเสียงเป็นวันๆเป็นคืนๆ เคยมีคำกล่าวติดตลกด้วยว่า จูนเสียงเพื่อเอาคุณภาพสูงสุดต้องไปจูนเสียงที่เงียบสงัดเช่น ป่าช้าเลยก็มี  

     ข้อสำคัญคือ นักเล่นกลุ่มนี้มักจะไม่จ่ายค่าอุปกรณ์แพงระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ได้เลือกจ่ายในราคาต่ำสุดเช่นกัน ใช้วิธีเลือกคุณภาพตามความเหมาะสมและความเข้ากันได้ทางบุคลิกเสียงที่สามารถเติมเต็มความไพเราะซึ่งกันและกัน อะไรขาดเสียงไหนก็หาอุปกรณ์ที่เหลือมาเติมแต่งให้เต็ม เพื่อให้ได้เสียงคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

     ผู้ที่เริ่มเล่นเครื่องเสียง ควรศึกษาหาข้อมูลและได้ลองฟัง อย่าลืมว่าเครื่องเสียงราคาแพงระดับสูงก็มักจะให้คุณภาพเสียงที่ดี และถ้าประกอบเข้ากับการเล่นแบบพิถีพิถันใส่ใจทุกขั้นตอน ก็จะยิ่งเพิ่มคุณค่าและคุณภาพของเสียงขึ้นไปอีก แล้วนักเล่นมือใหม่จะเล่นเครื่องเสียงแบบไหนอย่างไร

     แนะนำว่า ให้ไปลองฟังเสียงดนตรีจริงๆ ที่ไม่ผ่านการขยายเสียง สักครั้ง ประเภทการแสดงสด หรือเหมาะที่สุดก็เป็นเพลงคลาสสิคจากวงออเครสต้า เมื่อนั้นท่านจะทราบความต้องการของตนเองว่า จะเล่นเครื่องเสียงแบบใดครับ  


    ข้อมูลดีๆจาก   http://www.rocketsound.co.th/index.php?cmdmode=art_detail&artid=76
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02/17/11 13:23:06 โดย qualityteam »
Quality  คือ สิ่งที่ไม่ได้เกิดจากดวามบังเอิญ แต่เกิดขึ้นได้จากความพยายาม

cerebro

  • ซี5
  • *****
  • กระทู้: 1,751
  • นิ่งสนิท
Re: Hi - End
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 02/17/11 10:49:15 »
ใช้เสียงวัดครับ ระดับ beginner จนถึง mid-end ส่วนมากจะถูกกำหนดโดยปัจจัยราคาครับ ทำให้มักจะมีข้อเสียอยู่บ้าง
มากน้อยแล้วแต่รุ่นครับ รุ่นที่ข้อเสียน้อยๆก็จะเป็นพวกที่คุ้มค่าครับ
ส่วนพวก Hi-end นี่เค้าจะเน้นว่าเสียงต้องสุดๆ ไม่สนใจเรื่องราคาส่วนมากก็เลยราคาจะสูงมากตามไปด้วย
ทีนี้ตัวคุณเองจะเป็นคนตัดสินครับว่าไอ้เครื่องพวกนี้มัน Hi-end จริงหรือเปล่าโดยการลองฟังครับ
เทียบราคาใน range เดียวกันแล้วก็ลองรุ่นใหญ่ขึ้นราคาสูงขึ้นแล้วค่อยตัดสินใจว่ามัน Hi-end จริงมั้ย
ที่นี่เราลองกันบ่อยครับ อ้างว่า Hi-end ราคาสูงลิบ ฟังแล้วไม่ได้เรื่องก็มีเยอะครับ
โดยส่วนตัวนะครับ Hi-end ผมว่าน่าจะพวก Mosconi class A,Celestra ตัวเล็ก อะไรเทือกๆนี้อ่ะครับ
ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ happy มาก

cerebro

  • ซี5
  • *****
  • กระทู้: 1,751
  • นิ่งสนิท
Re: Hi - End
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 02/17/11 10:59:30 »
โอ้ โดนเฮียปาดหน้า เห็นด้วยทุกประการครับ
เรื่องลองฟังเครื่องดนตรีสดนี่เห็นด้วยเลยครับ ลองฟังแล้วชั่งน้ำหนักดูครับ
ปรกติดนตรีจริงกับดนตรีที่เราชอบมันไม่จำเป็นต้องเหมือนกันนะครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆเสียงกีต้าร์เสียงไวโอลินจริงๆแล้วมันไม่หวานเท่าที่เราฟังกันนะครับ
ของจริงเสียงแหลมมันไม่พริ้วไม่ทอดยาวขนาดนี้ครับ
เสียงร้องของจริงๆก็มักจะไม่เนียนเท่าที่ฟังกันอยู่
จะมีก็แต่เสียงกลองเสียงเบสนี่แหละที่ทำให้ใกล้ความจริงได้ยากหน่อย
เสียงจริงๆนี่มันจะออก flat ครับ ผมเองผมชอบให้มันมี color นิดๆครับ เสียงร้องเนียนๆหน่อย เสียงแหลมพริ้วๆ
อ่านแล้วอาจจะไม่เห็นภาพครับ แนะนำให้ลองมาฟังด้วยกันดูครับแล้วจะเข้าใจง่ายครับ :D
ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ happy มาก

เอ๊ะ เว้ยเห้ย

  • ซี5
  • *****
  • กระทู้: 1,467
Re: Hi - End
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 02/17/11 11:42:33 »
อันที่จริงน่าจะตกคำว่า
Hi fi หรือ High Fidelity ซึ่งหมายถึงความเหมือนจริงหรือถูกต้องสูง ว่ากันง่ายๆคือการถ่ายทอดที่เหมือนต้นฉบับการบันทึกมากๆ นั่นเอง มันน่าจะ represent การเล่นเครื่องเสียงที่ต้องการ การได้ยินเสียงเพลงที่เสมือนกับการเล่นจริงๆของ นักดนตรี
เพราะ Ideal ที่สุดในการฟังเพลงคือการฟังดนตรีสดๆจากนักดนตรีในสถานที่เล่นที่ดีด้วย แต่ทำไม่ได้ทุกวัน หรือตลอดเวลา หรือในรถ ไม่เหมือนเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วที่ฟังเพลงกันได้จากดนตรีสดๆ ในท้องพระโรงอะไรแบบนี้

ที่นี้อยากจะได้แบบ Hi fidelity หรือ Hifi ก็ต้องใช้อุปกรณืที่ เหมือนห้องบันทึกเสียง หรือดีกว่า เพราะเชื่อว่าจะจำลองภาพนั้นมาได้ แล้วก็เชื่อว่าห้องบันทึกเสียงต้องใช้เครื่องดีที่สุด ทำให้เราต้องใช้เครื่องที่ดีที่สุดที่จะถ่ายทอดให้กับ End User หรือผู้ฟังจาก source ต่างๆเช่น CD LP real-Tape เป็นต้น หรือว่ากันง่ายๆคือให้ End user ได้ Fidelity สูงๆ เลยเรียกเครื่องเหล่านี้ว่าเครื่อง High End

ส่วนAudiophile น่าจะเป็นกลุ่มคนหรือกลุ่มของสิ่งต่างๆ ที่มีความรักในด้านเสียงเพราะ Audio = เสียง  Phile = รัก     สินค้า Audiophile จึงทำเพื่อกลุ่มคนที่รักในเสียงเพลงหรือเสียงอื่นๆก็ได้

สรุปจึงชวนมาเป็น Musicalphile ดีกว่ารักในเสียงเพลง หรือ Music lover นั่นเอง เพราะเพลงดีๆ เมื่อถ่ายทอดด้วยเครื่องที่ดีแล้วความสุขก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมเลย..จริงมั้ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02/17/11 11:44:22 โดย Ae7 »
QC Society MicroPrecision S7

Prach

  • ซี5
  • *****
  • กระทู้: 364
Re: Hi - End
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 02/20/11 21:56:30 »
อันที่จริงน่าจะตกคำว่า
Hi fi หรือ High Fidelity ซึ่งหมายถึงความเหมือนจริงหรือถูกต้องสูง ว่ากันง่ายๆคือการถ่ายทอดที่เหมือนต้นฉบับการบันทึกมากๆ นั่นเอง มันน่าจะ represent การเล่นเครื่องเสียงที่ต้องการ การได้ยินเสียงเพลงที่เสมือนกับการเล่นจริงๆของ นักดนตรี
เพราะ Ideal ที่สุดในการฟังเพลงคือการฟังดนตรีสดๆจากนักดนตรีในสถานที่เล่นที่ดีด้วย แต่ทำไม่ได้ทุกวัน หรือตลอดเวลา หรือในรถ ไม่เหมือนเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วที่ฟังเพลงกันได้จากดนตรีสดๆ ในท้องพระโรงอะไรแบบนี้

ที่นี้อยากจะได้แบบ Hi fidelity หรือ Hifi ก็ต้องใช้อุปกรณืที่ เหมือนห้องบันทึกเสียง หรือดีกว่า เพราะเชื่อว่าจะจำลองภาพนั้นมาได้ แล้วก็เชื่อว่าห้องบันทึกเสียงต้องใช้เครื่องดีที่สุด ทำให้เราต้องใช้เครื่องที่ดีที่สุดที่จะถ่ายทอดให้กับ End User หรือผู้ฟังจาก source ต่างๆเช่น CD LP real-Tape เป็นต้น หรือว่ากันง่ายๆคือให้ End user ได้ Fidelity สูงๆ เลยเรียกเครื่องเหล่านี้ว่าเครื่อง High End

ส่วนAudiophile น่าจะเป็นกลุ่มคนหรือกลุ่มของสิ่งต่างๆ ที่มีความรักในด้านเสียงเพราะ Audio = เสียง  Phile = รัก     สินค้า Audiophile จึงทำเพื่อกลุ่มคนที่รักในเสียงเพลงหรือเสียงอื่นๆก็ได้

สรุปจึงชวนมาเป็น Musicalphile ดีกว่ารักในเสียงเพลง หรือ Music lover นั่นเอง เพราะเพลงดีๆ เมื่อถ่ายทอดด้วยเครื่องที่ดีแล้วความสุขก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมเลย..จริงมั้ย

"ไฮ ฟิ" หรือ "ออ โอ ฟาย" ตามที่ได้ยินมา คือ การฟังให้เหมือนกับต้นฉบับ หรือ เป็นธรรมชาติ มาก ถึง มากที่สุด ตามน้าๆทุกท่านว่ามา
แต่ กรรมของคนเรา ทำมาไม่เท่ากัน (ความสามารถในการฟัง) ฉะนั้น ไอ้ ไฮ ฟิ หรือ อะไรทำนองนี้ แล้วแต่หู และกรรม  ของแต่ละคนเท่านั้นครับ
ผมเคยฟังรถ แชมป์ เครื่องเสียง ราคาหลักล้านขึ้น และ เคยฟังเครื่องบ้านหลักสิบล้าน มันก็โอนะ แต่ผมกลับประทับใจ และชอบ ชุดเครื่องเสียงประมาณ สามแสนกว่ามากๆ
เพราะฉะนี้ ต้องฟังเยอะๆครับ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และนำไปประมวลผล ว่าอันไหนจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด ทั้งความชอบ (มาเป็นอันดับแรก สำหรับผมนะ) และงบประมาณ (ส่วนนี้สามารถปรับได้ตามความเหมาะสม (ถ้าไม่จำกัด ก็แล้วไป)) จากนั้นก็หาจุดสมดุลย์ เราก็จะได้คำตอบว่า Hi End, Hi Fi, Audiophile สำหรับตัวเอง มันคืออะไร

หนับ หนุน ครับ มิว ซิก เลฟ เวอร์ ครับ