มาต่อกับการรีวิวตอนที่ 2 ดีกว่าครับ
Diamond HEX H600a ตอนที่ 2
ครับกลับมาพบกับการทดสอบ ลำโพงจากค่าย Diamond ในแบบ Full Test กันต่อนะครับ ซึ่งเราจะขอนำเสนอในแบบ Lab Test กันก่อน ล่ะกันครับ
ซึ่งการทดสอบครั้งแรกนี้ ได้นำลำโพง Diamond HEX H600a เข้าทดสอบเพื่อหาค่าพารามิเตอร์เพื่อกำหนดขนาดตู้ที่จะนำมาทำการทดสอบ กันก่อน ครับ
ด้วยการนำลำโพงเข้าเครื่องมือ ทดสอบ T/S Parameter เพื่อให้ได้ค่า ของ พารามิเตอร์ ออกมา เพื่อนำเข้าโปรแกรมคำนวณตู้กันต่อไปครับ โดยค่า ที่เรา
ได้ออกมานั้นมีค่าดัง นี้ครับ
D 160.0 [mm], Re 3.99 [Ohms], Fs 51.14 Hz, Zm 21.13 [Ohms], BL 5.13 [N/A] Qms 5.913, Qes 1.377,
Qts 1.117, Vas 19.480 [liters], L10k 0.85 [mH], n0 0.18 [%] , dBSPL 84.66 [1W/1m] ,Ms 28.24 [grams],
Cms 0.34 [mm/N]
จากกราฟ แสดงค่า T/S พารามิเตอร์ของลำโพงกันไปแล้วจะเห็นว่า ลำโพงนั้นสามารถตอบ สนอง ช่วงของความถี่ต่ำได้อย่างมีเสถียรภาพ ค่า Impedance
ขณะ Add Mass นั้น มีค่าของFs อยู่ ที่ 51.14 Hz และค่าความไว ของลำโพง นั้นอยู่ที่ 84.66 dBSPL ที่ 1W/1m และขณะไม่มีการ Add Mass นั้นอยู่ที่ 91 dB
ซึ่งจัดว่าเป็นลำโพงที่มีค่าความไว สูงพอสมควร ด้วยเนื่องมาจากคุณภาพของตัวกรวยของลำโพง ที่มีน้ำหนักเบา ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิต แต่มีความแข็งแกร่ง
สามารถตอบสนองความถี่ได้อย่าง สมบูรณ์แบบมีความเป็นเชิงเส้นสูง และมีการ Break up ช่วงปลายเสียงสูงน้อยกว่ากรวยทั่วไป นั่นเองครับ
ติดตั้งลำโพง ลงบนแผง IEC Baffle สำหรับทดสอบ ที่ระยะห่าง 1เมตร เช่นกัน จากกราฟเราสามารถสังเกตได้ว่า ช่วงของ ความถี่ที่ลำโพงสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ นั้นเป็นช่วง ที่กว้างมาก ถ้าดูจากกราฟ ค่า การทำงานของ Impedance ต่อ Frequency แล้ว ค่าความถี่ที่ สามารถเริ่มทำงานได้ตั้งแต่ ช่วง 80Hz ยาวตลอด ช่วงไปถึง ย่าน เกือบ 3 KHz ก็เริ่มเกิด การ Roll off ของ Impedance ต่อ Frequency ซึ่งจุดนี้เองเราสามารถ ดูว่าตัวลำโพงนั้น จะมีค่าจุด ตัด ของ Crossover ที่เหมาะสมอยู่ที่ความถี่ เท่าไรได้ จากจุดนี้เองครับ
จากตารางที่ด้านบน เป็นตารางค่า ของ Impedance Model ของตัวลำโพงซึ่งเราสามารถวิเคราะห์การทำงานของลำโพงได้จากค่า นี้ครับ ซึ่งเราคงไม่ขอกล่าวถึงในคราวนี้เพราะมันจะลงลึกจนเกินไปไว้ติดตามในบทความเทคนิคด้วยการวิเคราะห์ทางไฟฟ้าหรือ Electric Machinery กัน ในโอกาส หน้าล่ะกันครับ
กลับมาดูค่าการตอบสนองความถี่ของลำโพง ที่เราทำการวัดในห้อง ทดสอบ กัน จริงๆ ดีกว่าครับ ว่าตัวลำโพงนั้น มีความสามารถอย่างไรกันบ้างในการตอบสนอง ในคาบเวลาจริง ด้วยเครื่องมือ CLIO Acoustics Measurement
จากกราฟ เป็นรูปแบบการตอบสนองความถี่ของลำโพงตลอดย่าน ของลำโพง Woofer และลำโพง Tweeter นั้นให้การตอบสนองที่ ชัดเจนในช่วงเสียง Bass และ Mid bass ที่ชัดเจน ไปจนถึงช่วง 1-2KHz นั่นหมายถึงการตอบสนองต่อเสียงกลางได้ค่อนข้างดีให้ช่วงกลางที่เปิดกว้างอันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เสียงกลางของ Diamond HEX H600a นั้น เด่นชัดนอกจากนี้ยังให้ความต่อเนื่องของกราฟความถี่ตอบสนองที่ครอบคลุมถึงช่วงของ Mid Highในช่วง 2.8-3 KHz ก่อนจะ Roll off ซึ่ง สอดรับกับการตอบสองของลำโพง Tweeter ที่ Roll off ในช่วง1.7727.2360 Hz เช่นกัน และยังสามารถตอบสนองช่วงความถี่สูงได้ราบเรียบในช่วงความถี่สูง และให้ปลายเสียงที่เปิดออกในช่วงตั้งแต่ 6000.0000 Hzไปจนถึงประมาณ 15565.350 Hz สำหรับค่าระดับความดังของลำโพงTweeter นั้น จะมีความดังที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ กราฟของตัวลำโพง Woofer นั่นหมายความว่ามันถูกออกแบบมาให้ ลำโพงเสียงแหลมนั้นสามารตอบรับกับรูปแบบการวางในตำแหน่งของลำโพงที่สูงกว่า ตัว Woofer ซึ่งหมายความว่าถึงแม้ ตำแหน่งการวางจะอยู่ใกล้จุด นั่งฟังมากเพียงไรก็ยังสามารถให้เสียงที่เป็นธรรมชาติได้อย่างไม่เกิดอาการ Break up ของทั้งลำโพง Woofer และ Tweeter ของลำโพงออกมาเลย และก็จะไม่ ทำให้เสียงแหลมที่ได้นั้น บาดหู หรือมีอาการเสียงดังมากผิดปรกติออกมาเกิน ค่าความดังของช่วงความถี่อื่นๆของลำโพง Woofer ที่ตอบสนองได้ อันเป็นเหตุให้ การทำงานของลำโพงทั้งสองซึ่งก็คือลำโพง Woofer และ Tweeter นั้นสามารถทำงานในช่วงการตอบสนองที่ Cross กันหรือตัดกันอยู่ ได้อย่างต่อเนื่องในตลอดช่วงความถี่ เมื่อทำการติดตั้งลำโพง Tweeter ที่ Dash Board หรือในตำแหน่ง เสา A หรือ A-pillar และติดตั้งลำโพง Woofer ในตำแหน่งข้างประตูด้วยการทำมุม 45 องศา เพื่อให้สอดรับกับ Patternของ ตัวลำโพง ทั้ง สองตัว และการทำงานของ Crossover นั้นมีค่าจุดตัดของความถี่อยู่ที่ 28033.3440Hz หรือ ที่ 2.8KHz เมื่อทำการวัดด้วย เครื่องมือวัดอย่าง CLIO Acoustics Measurement ในห้องทดสอบ และมีค่าความไวรวมของลำโพงอยู่ที่ 82.2804 dBSPL
กลับมาดูกราฟการตอบสนองของลำโพง เสียงแหลมกันต่ออีกนิดครับจากกราฟ จะเห็นว่า เมื่อทำการวัดค่าการตอบสนอง ที่มุมที่ต่างกัน ลำโพงยังคงสามารถตอบสนองได้โดยไม่เกิดความเพี้ยน หรือมีการสูญเสียความถี่ในการตอบสนองในแต่ละมุม ที่ค่ามุม 0-15-30 องศา นั่นหมายความว่าเราสามารถหัน หรือปรับลำโพงTweeter ไปในทิศทาง off-axis ในทิศทางใดทิศทางหนึ่งโดยไม่มีการลดลงหรือเพิ่มขึ้นของช่วงความถี่ที่ผิดแผกไปจากการตอบสนอง ในมุม On-axis แต่เราสามารถปรับค่าความไวของลำโพงให้กลับมาได้ในระดับเดิมด้วยการปรับ ค่าของ Attention ในตัว Crossover ได้ ตามค่าที่ระบุมาเพื่อให้ลำโพงสามารถตอบสนองได้ เช่นเดียวกับการวางลำโพงในตำแหน่ง On-axis ครับ