ขอเอามารวมในกระทู้นี้ ด้วยครับ .......... วันหลังขุดมาอ่าน ง่ายดี
![Wink ;)](https://www.qccaraudio.com/webboard/Smileys/default/wink.gif)
Cradit น้าไก่ SSB ณ. เรนเจอร์ครับ
http://www.pantown.com/board.php?id=44538&area=4&name=board3&topic=86&action=viewพักหลังๆ เห็นรถหลายๆ คันที่ใช้ cross over ระบบ Active ไม่ว่าจะตัดโดย amp, front, active cross หรือใช้ processor จะมีการใช้ C ต่ออนุกรมที่ tweeter ไว้
โดยมีความเข้าใจว่าเพื่อป้องกัน tweeter ขาด แต่หลายๆ ท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า การใช้ C ต่ออนุกรมเข้าไปนั้น มันให้ผลอย่างไร
โดยตัวคุณสมบัติของ C จะมี impedance (หรือความต้านทานไฟสลับ) มีค่าแปรเปลียนไปตามความถี่ที่ผ่านตัวมัน
ยิ่งความถี่สูงก็จะมี impedance น้อย และกลับกัน ความถี่ยิ่งต่ำลง impedance ก็จะมาก และจะไม่ยอมให้ไฟตรง (ความถี่ = 0 ไหลผ่านตัวมัน)
จากคุณสมบัติดังนี้ เมื่อนำมาต่ออนุกรมกับลำโพง ก็จะให้ผลคือ
1. กั้นไม่ให้ไฟตรงผ่าน
2. ต้องการเปลี่ยนบุคลิกเสียง จาก C
ซึ่งสองอันบนนี้มักจะเป็นวัตถุประสงค์ที่ใส่ C อนุกรมกันเข้าไป แต่หลายๆ ท่านมักจะไม่ทราบว่า มันมีผลอีกข้อด้วย คือ
3. เป็น High pass filter เนื่องจาก impedance มันเปลี่ยนตามความถี่ที่เปลี่ยนไปด้วย
ซึ่งการต่อ C อนุกรมจะทำให้เป็น 1st order hi pass filter มีค่า slope 6 db / octave และมีจุดตัด (-3 db) ที่ความถี่
1000000 / ( 2 x 3.14159 x Z x C)
Z = impedance ของลำโพง
C = ความจุหน่วยเป็น ไมโครฟารัด
เช่น ถ้าลำโพงมี Z = 4 โอห์ม ใช้ C = 3.3 uF ที่นิยมๆ ใช้กันจะได้
f จุดตัด = 12057 Hz หรือ 12 kHz
แต่ถ้า Z = 8 โอห์ม
f จุดตัด = 6028 Hz
ซึ่งจะเห็นว่าจุดตัดที่ได้ จะขึ้นอยู่กับค่า C ที่ใส่เข้าไป และถ้าจุดตัดมันอยู่สูงๆ ก็จะส่งผลต่อระบบด้วย
เช่น ตั้ง Active ไว้ที่ 3000 Hz ก็จะเกิดปัญหาความถี่โหว่ เพราะลำโพง woofer ทำงานมาถึง 3000 Hz
แต่ Tweeter ทำงานที่ 12 kHz โน่น ถึงแม้จะดัด Active ที่ 3000 Hz แต่มันโดน C ตัดความถี่ออกไปแล้ว
(แต่ในการฟังก็อาจจะไม่โหว่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองความถี่ของลำโพงแต่ละตัวด้วย เนื่องจากเป็นแค่ 1st order การตัดความถี่ไม่ชันมากนัก)
4. เกิดการ shift ของความถี่ โดยตัว high pass จะทำให้เกิดการ shift ไป +90 องศา ณ cut freequency
โดยจะค่อยๆ shift ไปทีละนิด ณ จุดตัดจะมีความถี่ shift ไป 40 องศา และค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการ shift ของความถี่นี้ก็จะส่งผลต่อระบบเสียงด้วยเช่นกัน
ดังนั้น การจะต่อ C อนุกรมเข้ากับ tweeter ต้องมีการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับระบบของเราด้วย ไม่ใช่สูตรสำเร็จที่จะใส่ค่าใดก็ได้เข้าไป
เพราะการปรับตั้งของแต่ละระบบต่างกัน C ค่านึงอาจจะเหมาะกับระบบบางระบบ แต่อาจจะไม่เหมาะกับระบบอีกระบบก็ได้
และถ้าไม่ต้องการผลของการตัดความถี่ & phase shift ก็ควรจะใส่ C ค่าสูงๆ (เช่น 15 uF ขึ้นไปสำหรับ 4 โอห์ม)
แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็คงต้องลองฟังดู เพราะทั้งหมดนี้เป็นการคำนวณ ค่า Z ของลำโพงอาจจะไม่ได้เป็นตามที่ผู้ผลิตแจ้งมา
เช่น มีค่าสูงกว่า (เนื่องจากความถี่ที่เปลี่ยนไป) ก็อาจจะทำให้จุดตัดเปลี่ยนแปลงไป
รวมทั้งผลของการตัดความถี่อันเนื่องมาจากการ resonance ที่เกิดจากการติดตั้งทำให้บางย่านความถี่โด่งขึ้นมา ฯลฯ
การใส่ C ที่มีการตัดความถี่สูงกว่าจุดตัดก็อาจจะให้ผลในทางที่ดีก็ได้ แต่ไม่ใช่ดีกับรถทุกๆ คัน การติดตั้งทุกๆ แบบแน่นอน
เรื่องการใส่ C จะใส่หรือไม่ใส่
ถ้ามองในเรื่องการกั้นไฟตรง มันก็เหมือนกับว่าแอมป์ของเราจะมีโอกาสเสียแบบปล่อยไฟตรงออกมาที่ลำโพงแค่ไหน
(เป็นแค่ 1 นอาการเสียของแอมป์ในหลายๆ สิบอาการ ) ซึ่งถามว่าโอกาสที่จะเสียอาการนี้มีมากแค่ไหน
ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้งานมันเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน เช่น ใช้อัดหนักๆ จนแอมป์ตัดเป็นประจำ
อันนี้ก็อาจจะมีความเสี่ยงมากกว่า คนที่ใช้แบบปกติๆ ธรรรมดาที่ไม่เคยมีแอมป์ตัดเลย
ผมใช้ระบบ Active มา สัก 10 ปีได้ เปลี่ยนลำโพงไปหลายตัวแล้ว แต่แอมป์ตัวเดิม ก็ยังไม่เคยเจออาการนี้เลยนะครับ
Link การคำนวณ ค่า C และ L ครับ
http://www.carstereo.com/help/Articles.cfm?id=55